วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

คลุกวงในบอลไทย โดย..ปูเป้ : เด็กไทยพรุ่งนี้

สัปดาห์ที่ผ่านมาช่อง ฟุตบอลสยามทีวี ดีทีวี 50 ถ่ายทอดสดฟุตบอลกระชับมิตรของเด็กๆนัดหนึ่ง เป็นการเจอกันระหว่าง เยาวชนเมืองทองฯ ยูไนเต็ด พบกับ ทีมเยาวชนเขต 1 ปทุมธานี ชุดไพร์มินิสเตอร์คัพ


เกมคู่นี้ถ่ายทอดสด ก่อนการแข่งขันฟุตบอลมูลนิธิ ไทยคม เอฟเอคัพ ระหว่าง เมืองทองฯ กับ แอร์ฟอร์ซ จะเริ่มขึ้น เป็นการเตะในรุ่น 12 ปีนักเตะเกิดปี 2541 พอเกมจบ ก็มีกระแสในเว็บไซต์ต่างๆด้วยความชื่นชม ทำนองว่าไม่เคยคิดว่าบอลเด็กบ้านเราจะเล่นกันเก่งอย่างนี้

ต้องยอมรับว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ดูฟุตบอลระดับไอ้แอ้ดมากนัก สื่อต่างๆก็ให้ความสนใจกับฟุตบอลเด็กค่อนข้างน้อย แทบจะไม่เคยมีการถ่ายทอดสดให้ชมเลยก็ว่าได้ การถ่ายทอดสดเกมนัดนี้จึงเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการฟุตบอลเด็ก

สิ่งที่แฟนบอลได้เห็นจึงค่อนข้างตะลึง พอสมควรเพราะส่วนใหญ่จะจินตนาการถึงบอลเด็กสมัยโบราณ ที่เตะยาวไปข้างหน้าแล้ววิ่งแข่งอย่างเดียว ใครวิ่งเร็ว เตะแรง ตัวใหญ่มักจะได้เปรียบ

แต่วันนี้ไม่ใช่แล้วครับ ฟุตบอลเด็กที่ทั้งสองทีมแสดงให้เห็น มันคือการจำลองผู้ใหญ่ลงมา เผลอๆรูปแบบการเล่นดีกว่าฟุตบอลผู้ใหญ่ซะอีก

เด็กยุคนี้มีความเข้าใจในระบบ วิธีการเล่น เป็นอย่างดี ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองว่าควรจะอยู่จุดไหน ควรจะเคลื่อนที่อย่างไร เวลาที่มีบอลและไม่มีบอล

ไปดูเด็กเมืองทองฯตัวกะเปี๊ยกสูงเลยเอวผู้ใหญ่นิดเดียวเล่นเถอะครับ พวกเขาไม่มีโยนสุ่มสี่ สุ่มห้า เล่นบอลต่อตามช่อง หาจังหวะเข้าทำประตูอย่างสวยงาม บอลเท้าต่อเท้า กว่าจะเสียบอลครั้งหนึ่งต้องมี 4-5 พาส ซึ่งดีกว่าผู้ใหญ่เล่นในลีกซะอีกที่ส่งที สองทีก็เสียบอลแล้ว

ผมไปศึกษาวิธีการสร้างเด็กของเมืองทองฯแล้วเห็นว่าน่าสนใจมาก เลยเก็บมาเล่าให้ฟัง เมืองทองฯ จูเนียร์ นี่คือโครงการที่แตกยอดมาจากสถาบันเจเอ็มจี ซึ่งเป็นสถาบันฟุตบอลต่างประเทศที่คัดเอานักเตะฝีเท้าดีระดับเยาวชนจากทั่วโลกโดยเฉพาะจากแอฟริกา มารวมกับเด็กไทย เซ็นสัญญาระยะยาว 7 ปีเข้าแคมป์ซ้อม กิน อยู่ หลับ นอน ด้วยกันที่อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

เด็ก 12 ปีรุ่นนี้ผ่านการคัดเลือก แบบถอดรองเท้าคัดตีนเปล่า มาจากทุกภาคของประเทศ จากเด็กเป็นพันคน ได้มาทั้งหมด 13 คนเท่านั้น

ใน 7 ปีนี้ ครอบครัวของเด็กๆไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสักบาท เจเอ็มจี ออกให้หมด การฝึกซ้อม ก็จะใช้โค้ชต่างประเทศและโค้ชไทยที่ได้มาตรฐาน นักเตะทุกคนต้องถอดรองเท้าฝึก เพื่อให้คุ้นชินกับพื้นหญ้า และการสัมผัสลูกฟุตบอลแบบธรรมชาติที่สุด ไม่มีรองเท้าสตั๊ดคอยกั้นขวาง

เจเอ็มจี จะไม่เน้นแข่งขัน ไม่เล่นแบบทัวร์นาเมนต์ นอกจากอุ่นเครื่อง พวกเขาถูกฝึก ฝึก ฝึกแล้วก็ฝึก เพื่อเป้าหมายในอนาคตเพียงอย่างเดียว หลังจากครบ 7 ปีแล้วนักเตะส่วนใหญ่จะเดินเข้าสู่ระบบฟุตบอลอาชีพ ซึ่งนั่นก็เป็นหน้าที่ธุรกิจลูกหนังของเจเอ็มจี เช่นเดียวกันว่าจะขายนักเตะไปที่ไหน ตามแต่ศักยภาพของผู้เล่นรายนั้นๆโดยเจเอ็มจี จะเป็นผู้รับประโยชน์ส่วนหนึ่ง ตามแนวทางเอเยนต์ หรือ ฟาร์มที่สร้างนักเตะมา สัดส่วนที่เหลือก็เป็นของนักเตะ

วิธีการสร้างของเจเอ็มจี ต่างจากการสร้างเยาวชนตามระบบฟุตบอลนักเรียนบ้านเราอย่างสิ้นเชิง ...ทุกโรงเรียนในเมืองไทย สร้างนักเตะส่งแข่งขัน เพื่อหวังผลสำเร็จในวันนี้เป็นหลัก แต่ละโรงเรียนตั้งเป้าจะคว้าถ้วยมาประดับตู้โชว์ให้มากที่สุด เพื่อตอบโจทย์สปอนเซอร์ ตอบโจทย์โรงเรียนที่ให้งบประมาณมาให้ได้ว่าทำแล้วเห็นผลสำเร็จ

หลายๆโรงเรียน เด็กๆแข่งมากกว่าซ้อม สัปดาห์หนึ่งเดินสายเล่นเกือบทุกรายการครบทั้ง 7 วัน แถมบางวันวิ่งรอก เล่นเช้า-เย็นเอาด้วย...ลักษณะอย่างนี้ทำให้นักเตะแข็งแกร่งในวันนี้ แต่ระยะยาวจะทำให้แกรน นักเตะจะหมดไฟในการเล่นฟุตบอล เพราะเล่นมาเยอะแล้ว ข้อเสีย ข้อด้อยที่ควรได้รับการปรับปรุงก็ถูกละเลยเพราะเอาแต่แข่งขันอย่างเดียว ซึ่งพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ตอนเด็กๆทำไมเราเก่งชนะฝรั่งได้ แต่พอโตขึ้นมากลับเป็นคนละเรื่อง

พูดง่ายๆระบบ วิธีการสร้างเด็ก ของเจเอ็มจี หรือ เมืองทองฯ ต่างจากระบบโรงเรียน ตรงที่ เจเอ็มจี เป็นระบบเอเยนต์ ระบบฟุตบอลอาชีพที่หวังผลในช่วงที่เล่นฟุตบอลอาชีพ ขณะที่โรงเรียนหวังผลปัจจุบัน อนาคตของเด็กจะเป็นยังไงก็ช่างมัน

เกมถ่ายทอดสดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราจึงเห็นชัดเจนว่า เด็กๆเมืองทองฯ ที่ตัวนิดเดียว ทักษะดีมาก เล่นบอลสวย แต่กระดูกสู้นักเตะร.ร.นานาชาติสยาม ที่แข่งขันเยอะกว่า ประสบการณ์ในเกมมากกว่า เรียกว่าเก๋ากว่าไม่ได้

ผมเชื่อว่าหากเราได้สัมผัสกับวิธีการเล่นของเด็กๆเหล่านี้บ่อยๆได้เห็นความแตกต่างในการฝึกซ้อม การแข่งขันมากขึ้น เยาวชน และ ผู้ปกครองบ้านเราจะเลือกได้มากขึ้นว่า ต้องการให้ลูกคุณประสบความสำเร็จในปัจจุบัน หรือ อนาคต มากกว่ากัน



ปูเป้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น