วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กิเลนยิ้มได้ฤกษ์ดวลเพื่อนตำรวจแล้ว 10 ก.ย.นี้ทุ่มตรง

เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ได้คิวเตะศึกไทยลีกกับ เพื่อนตำรวจ แล้ว หลังทำเรื่องขอย้ายวันแข่งขัน เนื่องจากติดทำศึกเอเอฟซี คัพ 2010 โดยจะเลื่อนเตะเข้ามาเร็วขึ้น 1 วัน คือในวันศุกร์ที่ 10 ก.ย.นี้ เวลา 19.00 น.

หลังจากที่สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ได้ยื่นเรื่องต่อ บ. ไทยพรีเมียร์ลีก ในการขอเลื่อนวันแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2010 นัดที่ทีมจะเปิดบ้านพบกับ "สุภาพบุรุษโล่เงิน" เพื่อนตำรวจ จากเดิมที่จะแข่งขันกันในวันที่ 11 กันยายน 2553 นี้ เนื่องจากทีมจะต้องเดินทางไปทำศึกชิงแชมป์เอเชียอย่างเอเอฟซี คัพ 2010 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ในช่วงดังกล่าว ล่าสุด ได้รับการยืนยันจากทาง บ.ไทยพรีเมียร์ลีก ในการอนุมัติให้เลื่อนวันแข่งขันเป็นที่เรียบร้อบแล้ว โดยจะย้ายมาแข่งเร็วขึ้น 1 วัน คือในวันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2553 ที่สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม เวลา 19.00 น.

สำหรับ การจำหน่ายตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2010 คู่ระหว่าง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด พบ อินทรี เพื่อนตำรวจ ที่จะแข่งขันกันในวันที่ 10 กันยายน 2553 นั้น จะเริ่มเปิดจำหน่ายล่วงหน้าตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 กันยายน 2553 ที่ Total Reservation ทุกสาขา

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ต้องเหนื่อยต่อ กิเลนผยองทำได้เเค่เฉือนหวิว ป้อมปราการ 2-1 ลีกคัพ

งานเข้า !!! “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ต้องเหนื่อยต่อ หลังโดน “ป้อมปราการ” สมุทรปราการ เอฟซี ตีไข่แตกในช่วงทดเจ็บ 2-1 ในศึกโตโยต้า ลีกคัพ รอบ 64 ทีม นัดแรก ต้องไปลุ้นกันต่อในนัดที่ 2 วันพฤหัสบดีนี้

ศึกโตโยต้า ลีกคัพ 2010รอบ 64 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่สนามเทพหัสดิน เป็นการปะทะกันระหว่าง “ป้อมปราการ” สมุทรปราการ เอฟซี ทีมอันดับ 3 ในศึกดิวิชั่น 2 โซนภาคกลางและตะวันออก พบกับ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูงของศึกสปอนเซฮร์ ไทยพรีเมียร์ลีก

เกมนี้ พ.ต.ท.ดร.วีระพล วงษ์สาตรสาย กุนซือชุดโตโยต้า ลีกคัพ ของเจ้าถิ่น จัดทัพชุดใหญ่ลงสนามครบครันนำ โดย คเณ จันทร์อิ่ม, กฤษดา นาคพันธ์, อโมอา ไอเซ็ค ส่วนทางด้าน เรเน่ เดอซาเยียร์ กุนซือทีมเยือน ส่งผู้เล่นตัวจริงผสมผสานกับดาวรุ่งลงสนามหลายคนอาทิ เจษฎา จิตสวัสดิ์, รณชัย รังสิโย, ไพฑูรย์ นนทะดี และ วีระวุฒิ กาเหย็ม นักเตะเยาวชนของทีมเมืองทองฯ โดยผู้ตัดสินในเกมนี้คือ ประธาน นาสว่าง และในเกมนี้ ไบรอัน ร็อบสัน กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย และ สตีฟ ดาร์บี้ ควงคู่กันมาชมเกมด้วย

เริ่มเกมมาเพียง 2 นาที เป็นทางเมืองทองฯที่ได้ทักทายก่อนจากจังหวะที่ ไซเซ็น เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าไปหน้าประตู และเป็นทาง รณชัย รังสิโย ที่พุ่งเข้าฮอสระยะจ่อๆ 5 หลา แต่บอลข้ามคานออกไป จากนั้นน.7 สมุทรปราการได้ลุ้นบ้างจากจังหวะที่ กฤษดา นาคพันธ์ เปิดฟรีคิกทางด้านขวาเข้าไปในเขตโทษ แต่ ชมนันท์ สุขเกษม กองหน้าเจ้าถิ่นโขกบอลออกหลังไปนิดเดียว

ถัดมาในน.17 เมืองทองฯได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะสับไกยิงเต็มข้อในเขตโทษด้านซ้ายของ อิบราฮิม คานูเต้ แต่นายทวารเจ้าถิ่นยังออกมาปิดมุมและเซฟไว้ได้ทัน

เกมยังดำเนินไปอย่างสูสี ทั้ง 2 ทีมต่างพยายามต่อสู้กันในแดนกลาง และในน.29 เจ้าบ้านหวิดได้ประตูขึ้นนำเมื่อ ชมนันท์ สุขเกษม ได้โอกาสซัดเต็มเท้าในกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่จังหวะยิงวางเท้าไม่ดี ลูกเหินข้ามคานออกไปชนิดไม่ได้ลุ้น

น.31 ทีมเยือนเกือบขึ้นนำบ้างเมื่อ นวพล อารมณ์สวะ เลี้ยงบอลหลบ 2 กองหลังสมุทรปราการทางด้านขวา ก่อนจะตัดสินใจยิงไกลกว่า 30 หลา ลูกพุ่งทำท่าจะเสียบใต้คาน แต่ พิเชฐ ไตรภูมิ นายทวารเจ้าถิ่นยังปัดข้ามคานออกไปได้

น.33 สมุทรปราการ เอฟซี ตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่น โดยส่ง วุฒิชัย ถิ่นทวี ลงมาแทน อรรถณพ นิตยะ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน

จากนั้นในน.37 กองเชียร์ทีมเยือนก็ได้เฮกันลั่นเมื่อ ไพฑูรย์ นนทะดี กระชากบอลเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะไหลบอลคืนหลังให้ ณรงค์ชัย วชิรบาล ที่วิ่งเติมขึ้นมากระหน่ำด้วยเท้าขวาเต็มข้อ ลูกพุ่งเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม ชนิดที่นายทวารสมุทรปราการได้แต่ป้องกันด้วยสายตา ทำให้ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0

น.43 เมืองทองฯหวิดที่จะได้ประตูที่ 2 เมื่อ ไพฑูรย์ นนทะดี กระชากบอลได้จนสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดเข้ากลางให้ อิบราฮิม คานูเต้ จับบอลหนึ่งจังหวะและยิงเต็มข้อบริเวณจุดโทษ ทว่าลูกพุ่งไปติดบล็อคกองหลังเจ้าบ้านที่เข้ามาสกัดไว้ได้ทัน

ช่วงท้ายครึ่งแรกทีมเยือนพับสนามบุกหนัก แต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับสมุทรปราการได้ ส่งผลให้จบ 45 นาทีแรก เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ยังคงนำ สมุทรปราการ เอฟซี อยู่ 1-0

ออกสตาร์ทครึ่งหลังสมุทรปราการเปลี่ยนตัวผู้เล่น โดยเอา อนันต์ ปานทอง ลงไปเล่นแทน สุขศักดิ์ คำพันธ์ ส่วนทีมเมืองทองน ยังไม่มีการเปลี่ยนตัวนักเตะแต่อย่างใด

เกมดำเนินมาถึงน.51 เจ้าบ้านชวดได้ประตุตีเสมออย่างน่าเสียดายเมื่อ กฤษดา นาคพันธ์ ไหลบอลให้ ชมนันท์ สุขเกษม ยิงเหน่งๆในเขตโทษ แต่เจ้าตัวกลับยิงบดเกินไปทำให้ นายทวารเมืองทองฯรับไว้ได้นิ่มๆ

จากนั้นในน.63 กองเชียร์เมืองทองฯได้เฮกันอีกครั้งเมื่อ ปิยะพล บรรเทา วางบอลยาวจากฝั่งซ้ายมาที่ฝั่งขวา และเป็นทาง นวพล อารมณ์สวะ ที่วิ่งเข้ามาวอลเล่ย์แบบไม่ต้องจับด้วยเท้าขวา ลูกพุ่งแรงก่อนเสียบสามเหลี่ยมเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม เมืองทองฯนำห่าง 2-0

น.68 ทีมเยือนหวิดได้ประตูที่ 3 เมื่อ อิบราฮิม คานูเต้ ได้โหม่งจากระยะ 8 หลา ทว่าบอลเด้งชนคานมาเข้าทาง พิเชฐ ไตรภูมิ นายทวารเจ้าถิ่น แต่จังหวะรับดันทำบอลกระฉอกออกมา และเป็นทาง ไพฑูรย์ นนทะดี ที่วิ่งเข้าไปซ้ำไม่ถึง 5 หลา ทว่าโดนบอลไม่ดีลูกพ่างข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

น.71 เมืองทองฯเปลี่ยนตัวผู้เล่นทีเดียว 2 คนรวด โดยส่ง วรนาถ ทองเครือ ลงมาแทน ไพฑูรย์ นนทะดี และส่ง จักรพันธ์ แก้วพรม ลงมาแทน โนบุยูกิ ไซเซ็น

เกมดำเนินมาถึงช่วงกลางครึ่งหลัง ซึ่งยังคงเป็นทีมเยือนที่บุกเข้าใส่ได้อย่างต่อเนื่อง น.75 ปิยะพล บรรเทา ได้จังหวะยิงไกลนอกเขตโทษ ทว่าบอลลอยออกหลังไปไกล

จากนั้นในน.85 เมืองทองฯได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อ อิบราฮิม คานูเต้ ได้โอกาสยิงไกลกว่า 25 หลากลางประตู แต่บอลก็ยังคงไม่เข้ากรอบ

เกมทำท่าจะจบลงที่ 2-0 แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย กองเชียร์สมุทรปราการก็ได้เฮกันลั่น เมื่อ ชมนันท์ สุขเกษม ได้จังหวะสับไกยิงเต็มข้อบริเวณจุดโทษ ลูกพุ่งแรงก่อนเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้จบเกมการแข่งขัน เมืองทองฯ ยูไนเต็ด จึงบุกมาเอาชนะ สมุทรปราการ เอฟซี ในศึกโตโยต้า ลีกคัพ รอบ 64 ทีม นัดแรก ได้แค่เพียง 2-1 โดยทั้ง 2 ทีมนี้จะต้องไปแข่งกันในนัดที่ 2 ที่บ้านของเมืองทองฯ ในวันพฤหัสบดี ที่ 2 ก.ย. 53 เวลา 18.00 น.

วาทะโค้ช

พ.ต.ท.ดร.วีระพล วงษ์สาตรสาย กุนซือสมุทรปราการ : วันนี้แม้เราจะแพ้ 1-2 แต่รูปเกมโดยรวมนับว่าพอใจมาก ซึ่งประตูในช่วงทดเจ็บของเราทำให้เส้นทางในรายการโตโยต้า ลีกคัพ ของทีมสมุทรปราการยังมีพอให้ได้ลุ้นกันต่อในนัดหน้า

รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผจก.ทั่วไปเมืองทองฯ ยูไนเต็ด : ผลการแข่งขันในวันนี้ผมค่อนข้างที่จะไม่พอใจ เพราะเรามีโอกาสหลายครั้งที่จะขยับสกอร์เป็น 3-0 แต่ก็ทำไม่ได้ จนทำให้มาโดนยิงประตูในช่วงท้ายเกม ซึ่งในนัดหน้าคงต้องไปวางแผนและแก้ไขจุดบกพร่องกันต่อ

รายชื่อผู้เล่นทั้ง 2 ทีม

สมุทรปราการ : พิเชฐ ไตรภูมิ (GK), ชิษณุพงษ์ ทวาเรศ, ชมนันท์ สุขเกษม, อิบราฮิม ราซัค, กฤษดา นาคพันธ์, อโมอา ไอเซ็ค, ทีคุม โรดริเก้, อรรถนพ นิตยะ(วุฒิชัย ถิ่นทวี), สุขศักดิ์ คำพันธ์(อนันต์ ปานทอง), คเณ จันทร์อิ่ม(C ), ณรงค์ฤทธิ์ รัดสีวอ(ณัฐพงษ์ คำอักษร)

เมืองทองฯ : ทะนงศักดิ์ พันภิพัฒน์(GK), ปกาศิต แสนสุข, เจษฎา จิตสวัสดิ์(C ), รณชัย รังสิโย, ไพฑูรย์ นนทะดี(วรนาถ ทองเครือ), อิบราฮิม คานูเต้, นวพล อารมณ์สวะ, ปิยะพล บรรเทา, โนบุยูกิ ไซเซ็น(จักรพันธ์ แก้วพรม), ณรงค์ชัย วชิรบาล(สันติภาพ ราษฎร์นิยม), วีระวุฒิ กาเหย็ม

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"กิเลนจูเนียร์" นัดลับแข้ง "เยาวชนปทุมธานี" 26ส.ค. นี้ บ่าย 2 ครึ่ง

“กิเลนผยองจูเนียร์” เยาวชนเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ชุดเจเอ็มจี นำทัพโดย “น้องเซียน” ทศกร บุญเพ็ญ เด็กไทยที่เตรียมเซ็นสัญญากับอาร์เซนอล อะคาเดมี เตรียมอุ่นแข้งกับ “เยาวชนเขต1ปทุมธานี” ชุดสู้ศึกฟุตบอลไพรม์มินิสเตอร์ รุ่น 12 ปี พฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม นี้ เวลา 14.30 น. ที่สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม โดยเปิดให้แฟนบอลได้ชมฟรี ก่อนศึกเอฟเอ คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่าง “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด กับ “ลูกทัพฟ้า” แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด จะเริ่มขึ้น

เดินหน้าพัฒนาทีมอย่างไม่หยุดยั้งสำหรับสโมสเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ทั้งชุดใหญ่ ชุดสำรองและชุดเยาวชน ล่าสุดเตรียมจัดโปรแกรมอุ่นเครื่องให้กับ “กิเลนผยองจูเนียร์” เยาวชนของเมืองทองฯ ยูไนเต็ดชุดเจเอ็มจี นำโดย “น้องเซียน” ทศกร บุญเพ็ญ เยาวชนไทยที่เตรียมจะเซ็นสัญญากับอาร์เซนอล อะคาเดมี่ พบกับ “เยาวชนเขต1ปทุมธานี” ที่กำลังเตรียมทีมชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลไพรม์มินิสเตอร์ รุ่น 12 ปีอยู่ในขณะนี้ โดยนักเตะส่วนใหญ่จะมาจากโรงเรียนนานาชาติสยาม เป็นแกนหลัก นำโดย คู่แฝด ญานฤทธิ์-ญาณสิทธิ์ สุขเจริญ ที่ผ่านการฝึก ไอเอฟเอ จากประเทศอังกฤษ เป็นกำลังหลัก

การอุ่นเครื่องนัดดังกล่าวจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม 2553 ที่สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม เวลา 14.30 น. ก่อนศึกมูลนิธิไทยคมเอฟเอ คัพ 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่าง “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด พบกับ “ลูกทัพฟ้า” แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด จะเริ่มขึ้นในเวลา 19.00 น. สำหรับแฟนบอลที่สนใจสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าบัตรผ่านประตูแต่อย่างใด

โตโยต้า ลีกคัพ "เมืองทองฯ" เยือน "ป้อมปราการ" ย้ายเตะสนามเทพหัสดิน 29 ส.ค.นี้ ห้าโมงเย็น

ศึกโตโยต้า ลีก คัพ 2010 รอบ 64 ทีมสุดท้าย นัดแรก “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด บุกปะทะ “ป้อมปราการ” สมุทรปราการ เอฟซี ทีมจากดิวิชั่น 2 อาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม นี้ เวลา 17.00 น. ที่สนามเทพหัสดิน ด้านเจ้าบ้านเผยจัดโซนให้ทีมเยือนอยู่อัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามอัฒจันทร์มีหลังคา เปิดขายบัตรหน้าสนามตั้งแต่บ่าย 3 เป็นต้นไป ราคา 100 บาททุกที่นั่ง ก่อนกลับมาเล่นนัดที่สองในรังยามาฮ่า สเตเดี้ยม วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน นี้ เตะเวลา 19.00 น.

เป็นฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่อีกหนึ่งรายการที่กลับมาระเบิดศึกกันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานหลายปี สำหรับศึกฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ 2010 ซึ่งในรอบต่อไปคือรอบ 64 ทีมสุดท้ายนั้น “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงไทยพรีเมียร์ลีก ถูกจับสลากให้พบกับ “ป้อมปราการ” สมุทรปราการ เอฟซี ทีมดังในลีกดิวิชั่น 2 โดยจะทำการแข่งขันแบบเหย้า-เยือน ซึ่งในแมตช์แรกนั้น เมืองทองฯ ยูไนเต็ด จะบุกไปเยือนก่อน ที่สนามเทพหัสดิน ในวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม นี้ เวลา 17.00 น. โดยทางเจ้าบ้านนั้นได้ขอใช้สนามเทพหัสดินในการทำการแข่งขันเนื่องจากมีความพร้อมมากกว่าสนามเหย้าของตนเอง ส่วนแมตช์ที่สอง จะกลับมาเล่นในบ้านของเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ในวันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน 53 เวลา 19.00 น.

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ 2010 รอบ 64 ทีมสุดท้าย นัดแรก คู่ระหว่าง สมุทรปราการ เอฟซี พบกับ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม 53 นั้น ทางทีมเจ้าบ้านได้จัดโซนที่นั่งไว้สำหรับแฟนบอลเมืองทองฯ ยูไนเต็ด โดยจะให้นั่งอยู่ทางด้านอัฒจันทร์ฝั่งไม่มีหลังคา (ตรงข้ามกับอัฒจันทร์มีหลังคา) และจะเปิดจำหน่ายตั๋วเข้าชมที่หน้าสนามแข่งขันตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ที่หน้าสนามในวันแข่งขัน

บิ๊กเป้ย้ำลูกทีมลืมเกมพ่ายบุรีรัมย์แล้วยันเจอแอร์ฟอร์ซใส่เต็มที่

บิ๊กเป้ ผจก.ทั่วไปของทีม กิเลนผยอง ยันเกมนัดเจอ แอร์ฟอร์ซ ศึกเอฟเอคัพ เย็นนี้ ลูกทีมไม่กดดันแม้เพิ่งพ่ายเกมในลีกมา ย้ำห้ามประมาทบอลนัดเดียว พร้อมมั่นใจชนะหลังตั้งเป้าคว้าแชมป์ทุกศึกที่ส่งแข่ง

ความเคลื่อนไหวการแข่งขันฟุตบอลมูลนิธิไทยคมเอฟเอคัพ 2010 รอบ 4 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่าง "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงไทยพรีเมียร์ลีก ที่จะพบกับ "ลูกทัพฟ้า" แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด ทีมชั้นนำจากศึก ดิวิชั่น1 ในวันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคมนี้ ที่สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม โดยจะเริ่มแข่งขันเวลา 19.00 น.

สำหรับทีม “กิเลนผยอง” ล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในศึกไทยพรีเมียร์ลีก ออกไปแพ้ทีม” ปราสายสายฟ้า” บุรีรัมย์ พีอีเอ มา 1-0 นั้น “บิ๊กเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทั่วไปของทีม “กิเลนผยอง” เปิดเผยว่า แม้ว่าไทยลีกนัดล่าสุดจะบุกไปแพ้บุรีรัมย์มาแบบหวุดหวิด แต่คะแนนก็ยังนำทีม ชลบุรี อยู่สองแต้ม ก็ไม่กดดันอะไร เพราะลูกได้เสียก็ดีกว่าด้วย ทำให้เชื่อว่าลูกทีมไม่เสียขวัญแน่นอน และเกมเอฟเอคัพกับทีม แ อร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด เย็นนี้ นักเตะทุกคนมีสมาธิดีเต็มที่อยู่แล้วไม่มีใครนึกถึงเกมที่แพ้มาล่าสุด เพราะอย่างที่เคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าปีนี้ เมืองทองฯ จะล่าทุกทุกแชมป์ที่ส่งเข้าแข่งขัน ทั้งไทยพรีเมียร์ลีก, เอเอฟซีคัพ, โตโยต้า ลีกคัพ รวมทั้งศึกใหญ่ เอฟเอ คัพ ก็จะพยายามทำเต็มที่ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ บิ๊เป้ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงความหวังนัดนี้ด้วยว่า แม้ แอร์ฟอร์ซ จะเป็นทีมจากดิวิชั่น 1 แต่ก็คงประมาทไม่ได้ เพราะเขาก็เป็นทีมหัวตารางเหมือนกัน และที่สำคัญ ฟุตบอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ ตนก็ได้ย้ำนักเตะห้ามประมาท เล่นเต็มที่ และก็มั่นใจว่าเราจะเอาชนะเข้ารอบต่อไปได้อย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ดัสกรออกโรงกระตุ้นเพื่อนกิเลนลืมฝันร้าย

"เจ้าโก้" ดัสกร ทองเหลา ห้องเครื่องตัวเก่งของทีม "กิเลนผยอง" เมืองทองฯยูไนเต็ด ออกโรงกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม ให้ลืมฝันร้าย เกมที่บุกไปแพ้ บุรีรัมย์ พีอีเอ มา 0-1 พร้อมเดินหน้าเก็บชัยได้มากที่สุด เชื่อว่าแชมป์จะอยู่ในมือแน่นอน

"เจ้าโก้" ดัสกร ทองเหลา ห้องเครื่องตัวเก่งของทีม "กิเลนผยอง" เมืองทองฯยูไนเต็ด จ่าฝูง สปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ขณะนี้ ออกโรงมากระตุ้นเพื่อนร่วมทีม บอกว่าเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น ในเกมที่บุกไปพ่าย บุรีรัมย์ พีอีเอ 0-1 เชื่อแชมป์ไม่หลุดมือแน่นอน
เรื่องดังกล่าวนี้ "เจ้าโก้" ได้ออกมาเปิดเผย ผ่านเวบไซต์ของทีมเมืองทองฯ ว่า เกมนัดดังกล่าว หากมองที่รูปเกมแล้ว ไม่ใช่ว่าทีมเมืองทองฯ จะสู้ บุรีรัมย์ พีอีเอ ไม่ได้ ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดแล้ว ประตูที่เราเสียไปต้นครึ่งหลังบอกตามตรงว่า น่ากังขา แต่ไม่อยากพูดอะไรมาก แฟนๆ ที่มีโอกาสรับชมการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ คงจะเห็นอยู่แล้ว
ต้องฝากขอโทษแฟนบอลเมืองทองฯ ด้วยที่ไม่ได้แต้มกลับออกจากบุรีรัมย์ แม้ขณะนี้ แต้มจะเหลือเรานำรองฝูงอย่าง ชลบุรี เอฟซี อยู่เพียงแค่ 2 แต้ม แต่ผมยังเชื่อว่าอีก 8 นัดที่เหลือ ทีมเราจะเดินหน้าเก็บชัยได้มากที่สุด และเชื่อว่าแชมป์จะยังคงอยู่ในมือทีมเราแน่นอน อยากให้แฟนๆ ของทีมเมืองทองฯ เป็นกำลังใจให้กับทีมเราต่อไป

เรเน่ยันเล่นเต็มสูบหวังซิวถ้วยเอฟเอแจงดวลแอร์ฟอร์ซไม่ง่ายแน่นอน

เรเน่ เดอซาเยียร กุนซือใหญ่ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ประกาศลั่น!! ทีมเอาจริงในศึกมูลนิธิไทยคมเอฟเอ คัพ แน่นอน พร้อมโวเป้าหมายเดียวต้องแชมป์เท่านั้น รับพบ แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ดไม่ใช่งานง่าย แต่เชื่อสุดท้ายลูกทีมใช้ความเก๋าผ่านทะลุรอบ 8 ทีมได้สำเร็จ

โปรแกรมการแข่งขันนัดต่อไปของ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูงไทยลีก ที่จะลงเล่นในศึกมูลนิธิไทยคมเอฟเอ คัพ 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยจะได้เล่นในรังยามาฮ่า สเตเดี้ยม พบกับ “ลูกทัพฟ้า” แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด ทีมดังจากลีกดิวิชั่น 1 ในวันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม 2553 เวลา 19.00 น. ล่าสุด เรเน่ เดอซาเยียร์ กุนซือชาวเบลเยียมของทีมได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงเล่นในถ้วยน็อกเอาท์ใบนี้ ว่า

“ทุกๆ เกมที่ทีมลงแข่งมีความสำคัญทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นถ้วยไหน รวมถึงเอฟเอคัพที่เราจะลงแข่งรอบ 16 ทีมในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ด้วย เมืองทองฯ มีเป้าหมายที่จะกวาดแชมป์ในฤดูกาลนี้ให้ได้ในทุกๆ รายการที่ลงทำการแข่งขัน ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าจะไม่ให้ความสำคัญกับบางถ้วย และการพบกับ แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด ทีมงานของตนได้หาข้อมูลและทำการบ้านไว้เป็นอย่างดี ซึ่งที่ตนทราบมาสถานการณ์ของทีมนี้กำลังอยู่ในช่วงที่ลุ้นแชมป์เพื่อเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นไทยลีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม จะไม่มีทางประมาทพวกเขาเด็ดขาด ส่วนเรื่องของการจัดตัวผู้เล่นอาจจะมีการหมุนเวียนนักเตะบ้างในบางตำแหน่ง แต่โดยรวมแล้วยังคงใช้นักเตะตัวหลักทำหน้าที่ต่อไป ก็ยังเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของนักเตะจะช่วยให้ทีมผ่านรอบนี้ไปได้อย่างแน่นอน”

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บุรีรัมย์เจ๋งสยบกิเลน1-0


"ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ยังแกร่งในบ้าน หลังพลิกโค่นจ่าฝูง "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด 1-0 โดยได้ประตูชัยจาก ดั๊กลาส คาร์โดโซ่ ตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง ขณะที่ "สิงห์เหนือ" ทีทีเอ็ม เอฟซี พิจิตร หืดจับก่อนเชือด "แข้งเทพ" แบงค็อก ยูไนเต็ด หวิว 2-1 ศึกลูกหนัง ไทยพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา


การแข่งขันฟุตบอล "สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2010" เลกสอง นัดประจำวันอาทิตย์ที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา


บุรีรัมย์ พีอีเอ 1-0 เมืองทองฯ ยูไนเต็ด

ที่สนามไอ-โมบาย สเตเดี้ยม "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ทีมอันดับ 3 ของตาราง ลงแข่ง 21 นัด มี 40 แต้ม เปิดบ้านรับการมาเยือนของจ่าฝูง "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ที่ลงแข่ง 21 นัด มี 51 แต้ม โดยการเจอกันในเลกแรก ที่สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม บ้านของเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ปรากฏว่า ทั้งสองทีมทำได้เพียงแค่เสมอกัน 0-0

เกมนี้เจ้าบ้าน "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ วางกำลังลงรับมือทีมจ่าฝูงเหนียวแน่น มี ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เฝ้าเสา แบ็กซ้าย ธีราทร บุญมาทัน เติมเกมรุกริมเส้น เซนเตอร์ฮาล์ฟคู่ เป็นทางด้าน แอนเดอร์สัน โดส ซานโตส กับ โคเน่ เซย์ดู แบ็กขวา อภิเชษฐ์ พุฒตาล สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีม แผงกองกลางมี รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ,เคาดิโอ ปาสกาล, ยุทธจักร ก้อนจันทร์ และ สุเชาว์ นุชนุ่ม ส่วนคู่หัวหอกส่ง ดั๊กลาส คาร์โดโซ่ กับ เอดูอาร์โด้ ล่าตาข่าย

ด้านทีมเยือน "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด มี กวิน ธรรมสัจจานันท์ เฝ้าเสา แบ็กโฟร์ 4 ราย ไล่ตั้งแต่ แบ็กซ้าย ปิยะชาติ ถามะพันธ์ เซนเตอร์ฮาล์ฟคู่ เจษฎา จิตสวัสดิ์ กับ ภานุพงศ์ วงศ์ษา แบ็กขวายังคงเป็น จักรพันธ์ แก้วพรม แผงมิดฟิลด์วาง ดัสกร ทองเหลา เป็นจอมทัพขนาบข้างไปด้วย ดักโน่ เซียก้า กับ อับดุล คูลิบารี่ ส่วนกองหน้าวางลงทะลวงเจ้าบ้านถึง 3 ราย ทั้ง คริสเตียน เคาคู, ธีรศิลป์ แดงดา และ โคเน่ โมฮาเหม็ด

โดยก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นราว 1 ชั่วโมง มีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่แฟนบอลทั้งสองทีมก็ยังปักหลักรอชมเกมไม่หนีไปไหน ทำเอาสภาพสนามเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ก่อนที่จะมีสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน จ.บุรีรัมย์ มาช่วยกันหวิดน้ำออกสนาม จึงทำให้แข่งขันได้ แต่ก็ยังมีน้ำขังบริเวณที่เป็นหลุมเป็นบ่อทั่วสนาม

เริ่มเกมครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดฉากแลกหมัดกันอุตลุด เจ้าบ้านได้ลุ้นก่อน จากการแทงบอลสั้นๆ ของ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ให้ คาร์โดโซ่ พุงเข้าไปชาร์จจ่อๆ แต่ยังดีที่ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ออกมารับบอลตรงจุดสังหารหวุดหวิด ก่อนที่เมืองทองฯ จะทำเกมโต้กลับเร็วสู้ เป็นทางด้าน คริสเตียน เคาคู ที่ได้หลุดเข้าไปกระดกบอล แต่เสียหลักล้มลงไปเสียก่อน

อีก 5 นาทีต่อมา เจ้าบ้านหวิดกะซวกตาข่ายทีมเยือน เมื่อ รังสรรค์ แทงบอลทะลุช่องให้ คาร์โดโซ่ หลุดเข้าไปซัดเต็มข้อเข้าหน้าต่าง
น.8 เมืองทองฯ ได้ฟรีคิกระยะกว่า 30 หลา ดัสกร ทองเหลา ปั่นแหวกกำแพง พุงเข้าซอง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายทวารเจ้าบ้านแต่รับกระฉอก คริสเตียน เคาคู จะตามเข้าไปซ้ำ แต่จังหวะต่อมาโดน โคเน่ เซย์ดู แนวรับ "ปราสาทสายฟ้า" สาดบอลพ้นโซนสังหาร
ถัดมานาทีเดียวกัน บุรีรัมย์ ได้ลุ้นฟรีคิกบ้าง สุเชาว์ นุชนุ่ม ยิงกะยัดเข้าเสาสอง ทำเอา กวิน ธรรมสัจจานันท์ ต้องพุ่งปัดสุดเหยียด ทำให้ บุรีรัมย์ ได้ลูกเตะมุม เป็น รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ที่วางเตะมุมเข้าไปลุ้นหน้ากรอบเขตโทษ แต่ยังมี โคเน่ โมฮาเหม็ด ชิงโหม่งเคลียร์ได้เสียก่อน

เกมผ่านถึง น.15 โคเน่ โมฮาเหม็ด โดน ธีราธร บุญมาทัน เสียบล้มกลิ้ง แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ฟาวล์ ทำเอาเจ้าตัวลุกขึ้นมาโวยวายลั่นสนาม ต้องโดนใบเหลืองแรกของเกม น.20 ธีรศิลป์ แดงดา ลากบอลฝ่าแนวรับของบุรีรัมย์สองด่าน เกือบจะได้เหนี่ยวไกยิง แต่โดน ธีราธร บุญมาทัน ดักสกัดล้มในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินยังใจแข็งไม่ให้เป็นจุดโทษแก่ทีมเยือน
น.25 แข้ง "กิเลนผยอง" อาศัยทีมเวิร์กเคาะบอลกันตามช่อง ก่อนที่จังหวะสุดท้าย โคเน่ โมฮาเหม็ด จะได้ส่องบริเวณนอกรอบ แต่บอลยังหลุดเสาสองออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

น.27 เจ้าบ้านหวิดได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค วางบอลจากริมเส้นด้านซ้าย โค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ ดูดู้ กับ ดั๊กลาส คาร์โดโซ่ แย่งกันโหม่ง บอลทะลักถึง กวิน ธรรมสัจจานันท์ ปัดออกหลัง ก่อนที่จะได้เตะมุม เป็น สุเชาว์ นุชนุ่ม ที่วางมาลุ้นในกรอบเขตโทษ แต่ ดัสกร ทองเหลา ยังไวโหม่งออกหลังไป

เจ้าบ้านได้เตะมุมอีกครั้งจาก สุเชาว์ คนเดิม คราวนี้ กวิน บินออกมาชกบอล ทะลักมาเข้าทางปืนของ ยุทธจักร ก้อนจันทร์ มิดฟิลด์จอมลุยของเจ้าถิ่น แต่ไม่ทันเหนี่ยวยิง ไปลื่นล้มเสียก่อน

น.30 ยุทธจักร ก้อนจันทร์ ได้สับไกยิงบริเวณนอกหัวกะโหลก แต่ กวิน ธรรมสัจจานันท์ นายทวารเมืองทองฯ ยังไม่พลาด ตะปบบอลเอาไว้ได้

น.35 เมืองทองฯ หวิดทะลวงตาข่ายเจ้าบ้านขึ้นนำ จากจังหวะที่ ดัสกร ทองเหลา ไหลออกข้างสั้นๆ ให้ จักรพันธ์ แก้วพรม วิ่งเข้าไปซัดเต็มข้อ บอลพุ่งแรงจะมุดใต้คานอยู่แล้ว แต่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายทวารเจ้าบ้านยังไวทายาด ปัดออกไปได้

น.40 ปิยะชาติ ถามะพันธ์ แบ็กซ้ายจอมลุยของเมืองทองฯ ลากบอลเกือบจะได้ซัด แต่ เคาดิโอ ปาลกาล กองหลังเจ้าบ้านยังนิ่ง ดักสาดบอลพ้นโซนสังหาร ช่วงทดเวลาเจ็บ คริสเตียน เคาคู ปีกเมืองทองฯ ได้หลุดเข้าไปยิงยัดเข้าเสาแรก แต่ยังมี ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เซฟเอาไว้ จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังเริ่มเพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้น เมืองทองฯ ยูไนเต็ด มาเสียประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อแนวรับพยายามรุมแย่งโหม่งกับ ดั๊กลาส คาร์โดโซ่ หัวหอกของ บุรีรัมย์ ก่อนที่จะหล่นลงมา นักเตะเมืองทองฯ พากันชงักหยุดเล่น คิดว่าผู้ตัดสินจะให้ฟาว์ลแต่ไม่ได้ ก่อนบอลจะตกใส่เท้าของ ดั๊กลาส คาร์โดโซ่ พอดีแปรเน้นๆ ไม่เหลือซากให้ บุรีรัมย์ พีอีเอ ผงาดนำ 1-0 ฃ

น.49 ดัสกร ทองเหลา ได้ลุ้นยิงฟรีคิก บริเวณริมเส้นด้านซ้าย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ออกมาปัด ชนกับผู้เล่นฝั่งเดียวกัน นอนเจ็บราว 2 นาที จังหวะต่อมา ทีมเยือน หวิดพังประตูตีเสมอ จากลูกฟรีคิก โดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน รับกระฉอกไปแล้ว แต่ยังดีที่มีกองหลัง บุรีรัมย์ ช่วยกันสาดบอลทิ้งอุตลุต

น.50 เกมรุกของ บุรีรัมย์ พีอีเอ ยังบุกได้หวือหวา เป็น ดูดู้ ที่จ่ายสั้นๆ ให้ สุเชาว์ นุชนุ่ม หลุดเข้าไปซัด แต่ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ยังออกมาคว้าบอลเข้าซองได้อีกครั้ง

น.55 โอกาส ที่ทีมเยือนจะตีไข่แตกเกิดขึ้นอีกครั้ง จากจังหวะที่ ดั๊กโน่ เซียก้า โดน แอนเดอร์สัน ดอสซานโต๊ส ชนล้มบริเวณริมเส้นด้านซ้าย เป็น ปิยะชาติ ถามะพันธ์ ที่ปั่นโค้งหยอดข้ามกำแพง เข้าซอง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายทวารเจ้าบ้าน

น.60 เมืองทองฯ พับสนามบุกแหลก เกือบได้ประตูตีเสมออีกจังหวะ จาก ปิยะชาติ ถามะพันธ์ ที่เปิดเตะมุม มาให้ ธีรศิลป์ แดงดา ได้โหนขึ้นโขก แต่ ศิวรักษ์ ยังออกมากระโดดรับเข้าซองสบาย

โอกาสทองของทีมเยือน เกิดขึ้นอีกครั้ง น.68 เมื่อ จักรพันธ์ แก้วพรม วางโด่งจากริมเส้นด้านขวา ผ่านแนวรับ บุรีรัมย์ ให้ ดั๊กโน่ เซียก้า ที่ได้ยืนโหม่งโล่ง ๆ แต่ลนลานโหม่งออกไปเสียเอง แบบไม่ได้ลุ้น ถึง น.70 จักรพันธ์ แก้วพรม จ่ายขนานเส้น ให้ คริสเตียน ควาคู กึ่งยิงกึ่งผ่าน เป็นวิถีโค้งเกือบมุดคานลงเสาสอง

น.75 เมืองทองฯ หวิดได้จุดโทษ ในจังหวะชุลมุล เมื่อ ดั๊กโน่ เซียก้า ลากบอลฝ่าแนวรับ บุรีรัมย์ ก่อนโดนสอยล้มในกรอบเขตโทษ แต่ผู้ตัดสิน ยังไม่ยอมใจอ่อน เป่าเป็นจุดโทษ

น.80 เวลลิงตัน ซิเมา ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน ดั๊กลาส คาร์โดโซ่ ได้กระชากบอลขึ้นริมเส้นด้านขวา ก่อนจะสับไกยิงเต็มข้อ บอลถากเสาสองออกไปหวุดหวิด โอกาสที่ เจ้าบ้าน จะได้ประตูทิ้งห่างเกิดขึ้นอีกครั้ง น.85 จากลูกยิงของ สุริยา ดอมไธสง ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน ดูดู้ แต่หักข้อมากเกินไปบอลพุงเข้าหน้าต่าง

น.88 ปิยะชาติ ถามะพันธ์ แบ็กจอมลุย ได้ยิงฟรีคิก ลึกเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ออกมากระโดดรับบอลเข้าซอง ได้อีกครั้ง เกมถึงนาทีสุดท้ายก่อนทดเวลาเจ็บ เจ้าบ้านเกือบบวกสกอร์ขึ้นนำ จากเกมโต้กลับเร็ว ของ สุเชาว์ นุชนุ่ม แต่ยิงไม่ดี ถากเสาสอง ออกไปอีก

จบเกม บุรีรัมย์ พีอีเอ เปิดบ้านเอาชนะ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ไป 1-0 เก็บสามแต้มเต็ม แต่ยังรั้งอันดับสามเหมือนเดิม นอกจากนั้นยังได้รับเงินอัดฉีดอีก 1 ล้านบาทจากผู้บริหารทีม ส่วน เมืองทองฯ แพ้นัดนี้ ยังนำจ่าฝูงแต่ช่องว่างระหว่างแต้มนำ ชลบุรี เอฟซี อยู่เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น พร้อมกับเพิ่มสถิติ ด้วยการออกมาพ่ายในการเป็นทีมเยือน 3 นัดเข้าไปแล้ว


วาทะโค้ช
อรรถพล บุษปาคม โค้ช บุรีรัมย์ พีอีเอ - ต้องยอมรับว่าเกมนี้ เมืองทองฯ มาเล่นเกมรุกได้ดี ทำให้แนวรับของเราเกือบเสียขบวน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องชมวินัยในเกมรับของลูกทีม ที่ดีมาก สำหรับการลุ้นแชมป์กับสองทีมหัวตาราง มาถึงตอนนี้ก็คงจะไม่หวังเพราะแต้มยังห่างกันมาก แต่มั่นใจว่าจะรักษาระดับท็อปทรีเอาไว้ให้ได้ พร้อมกับมุงสมาธิไปที่บอลถ้วยทั้ง เอฟเอคัพ และ โตโยต้าลีกคัพ

รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผจก.ทั่วไป เมืองทองฯ ยูไนเต็ด - เป็นเกมที่ยากสำหรับเรา ที่เล่นกันท่ามกลางเสียงกดดันจากแฟนบอลบุรีรัมย์ ที่เต็มสนามขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่าสภาพสนามไม่ค่อยดี เพราะมีฝนตกลงมาก่อนเกมอย่างหนัก ส่วนจังหวะเสียประตู ต้องยอมรับว่าเราพลาดกันง่ายๆ แต่อย่างไรก็ดี เรายังมีแต้มนำ ชลบุรี อยู่ 2 แต้ม ขณะที่เหลือเกมอีก 8 นัด มั่นใจว่ายังเป็นแชมป์ เพราะคู่แข่งอย่าง ชลบุรี ยังเหลือเกมที่หนัก กับ บุรีรัมย์ และ บางกอกกล๊าส เอฟซีรอยู่ ส่วน เฮดทูเฮด เราก็ดีกว่า ชลบุรี"


คะแนนความสามารถนักเตะทั้งสองทีม

บุรีรัมย์ พีอีเอ : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน 7, ธีราทร บุญมาทัน 6, แอนเดอร์สัน ดอส ซานโต๊ส 6, โคเน่ เซย์ดู 6, อภิเชษฐ์ พุฒตาล 6, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค 6, เคลาดิโอ ปาลคาล 6, ยุทธจักร ก้อนจันทร์ 6 (รัตนะ เพ็ชรอาภรณ์ 5), สุเชาว์ นุชนุ่ม 6, ดั๊กลาส คาร์โดโซ่ 6.5 (เวลลิงตัน ซิเมา 5.5), เอดูอาร์โด้ 6 (สุริยา ดอมไธสง 5)

เมืองทองฯ ยูไนเต็ด : กวิน ธรรมสัจจานันท์ 6, ปิยะชาติ ถามะพันธ์ 6, เจษฎา จิตสวัสดิ์ 6, ภานุพงษ์ วงศ์ษา 6, จักรพันธ์ แก้วพรม 6 (อมร ธรรมนาม 5),ดัสกร ทองเหลา 6, ดั๊กโน่ เซียก้า 6, อับดุล คูลิบารี่ 6 (พิชิตพงษ์ เฉยฉิว 5) ,คริสเตียน ควาคู 6, ธีรศิลป์ แดงดา 6, มูฮัมเหม็ด โคเน่ 6 (รณชัย รังสิโย -)


แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ผู้รักษาประตูจองเซฟของ บุรีรัมย์ พีอีเอ


วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

มุ้ย" ลั่นผนึกกำลัง "โคเน่" กระทุ้งประตูคู่แข่ง หวังซิวแชมป์ทุกรายการ


“มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของทีมชาติไทยและ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงไทยพรีเมียร์ลีก มั่นใจจับคู่กับ “โคเน่ โมฮัมเหม็ด” ทะลวงประตูคู่แข่งเป็นกอบเป็นกำแน่ เชื่อจูนกันติดแล้ว พร้อมดาหน้าถล่มทุกทีม ตั้งเป้าฟาดเรียบ 4 แชมป์ในทุกถ้วยที่ลงแข่งขัน รับแมตช์เยือน “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ พีอีเอ อาทิตย์นี้ จะเป็นเกมที่หนักสำหรับทีมอย่างที่สุด

โชว์ฟอร์มได้อย่างสวยหรูหลังช่วยกันซัดคนละ 1 เม็ด พาทีมเอาชนะ “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 ในศึกไทยพรีเมียร์ลีก 2010 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สำหรับ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ดาวยิงเบอร์หนึ่งของเมืองไทย และ “โคเน่ โมฮัมเหม็ด” ศูนย์หน้าชาวไอวอรี่โคสต์ ของทีม ส่งผลให้ทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี อยู่ที่ 5 คะแนน เหมือนเดิม และล่าสุด “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา เจ้าของเบอร์ 10 ของเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า

“รู้สึกดีใจที่กลับมายิงประตูได้อีกครั้ง ประตูกับบางกอกกล๊าสน่าจะเป็นการปลดล็อคให้กับตัวเองหลังจากหลายนัดที่ผ่านมาไม่สามารถทำได้ ซึ่งผมก็ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่ช่วยกันเล่นจนทำให้ทีมเก็บชัยชนะในเกมที่สำคัญได้ ส่วนคู่ขาอย่างโคเน่ก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ประตูแรกที่เขาทำได้นั้นมาจากการยิงด้วยสมองล้วนๆ และจากการได้ร่วมฝึกซ้อมกันมาร่วมปี ทำให้ความเข้าใจในเกมก็มีมากขึ้น การวิ่งหาพื้นที่ก็ทำได้ดีขึ้นเยอะ เราเริ่มที่จะเข้าขากันเป็นอย่างดีแล้ว ก็หวังว่าต่อจากนี้ไปผมและโคเน่จะช่วยกันทำประตูเพื่อเก็บชัยชนะให้กับทีมได้อย่างต่อเนื่อง และเราพร้อมที่จะเดินหน้าคว้าแชมป์ให้ได้ในทุกๆ ทัวร์นาเมนต์ของปีนี้ครับ”

สำหรับในศึกฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2010 นี้ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ทำประตูให้กับทีมไปแล้วทั้งสิ้น 6 ประตู ส่วน “โคเน่ โมฮัมเหม็ด” ดาวยิงชาวไอวอรี่โคสต์ ทำประตูให้กับทีมไปแล้วทั้งสิ้น 8 ประตู รั้งรองดาวซัลโวของทีมในขณะนี้ โดยเป็นรองเพียงแค่ ดานโย เซียก้า มิดฟิลด์พันธุ์ดุของทีม ที่ยิงไปทั้งสิ้น 10 ประตู

แจ๊คกี้เขียนถึงลูกหนังไทย โดย..แจ๊คกี้ : เบื้องหลังเมืองทองฯ-บีจี


ค่ำวันพุธที่ผ่านมาผมกลับเข้าไปยังยามาฮ่า สเตเดี้ยม เพื่อชมเกมระหว่างเมืองทองฯ ยูไนเต็ดกับบางกอกกล๊าส เอฟซี ตามจังหวะและโอกาสที่อำนวย


ปกติผมไม่ค่อยพลาด "โฮม เกม" หรือเกมนัดเหย้าของเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ปีก่อนพลาดไป 2 นัดปีนี้สถิติเท่ากันที่ 2 นัด ไม่ได้ดูเกมในยามาฮ่า สเตเดี้ยม คือถ้าไม่ติดภารกิจเรื่องงานก็ต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชมในสนาม ทั้งบทบาทของแฟนและคอลัมนิสต์ สนุกด้วยได้งานด้วยว่ากันอย่างนั้นครับ


ย้อนหลังในนัดแรกเล่นที่ลีโอ สเตเดี้ยม มีถ่ายทอดสดทางช่อง 7 วันนี้คนไทยทั้งประเทศได้ติดตามชมและเห็น "บรรยากาศ" เขียวขาวและแดงดำตัดกันอย่างได้สีสัน ภาพมุมกล้องของอัฒจันทน์สามชั้นของลีโอ สเตเดี้ยม จัดวางออกจอแล้วสวยงามมาก

ฟุตบอลสูสีเข้มข้น มีประตูเดียว...แต่ได้ทุกอย่างเพราะทั้งสองทีมตั้งใจเล่นบอลกันอย่างเต็มที่เพื่อชนะซึ่งกันและกัน ตอนนั้นโค้ชบีจี เอฟซี ยังเป็น สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ โดยผลแข่งนัดนั้น บีจีเฉือนเอาชนะจากจังหวะสับสนของนักเตะเมืองทองฯที่ อนาวิน จูจีน สะกิดบอลจากมุมธงออกไปแล้วได้เตะใหม่


ช่วงนั้นทดเวลา...พอสมาธิหลุดทำให้การเตะมุมใหม่เป็นประตูชัยของบีจี โดย อำนาจ แก้วเขียว ซึ่ง ณ เวลานั้น บีจี เอฟซี เป็นหนึ่งในสามทีมที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ก่อนเปิดซีซั่น แต่มาวันนี้สถานการณ์ทุกอย่างแตกต่างสิ้นเชิง บีจีมาเยือนยามาฮ่า สเตเดี้ยม ในฐานะทีมใน 7 อันดับแรกของลีก


ตัวโค้ช, ผู้เล่นก็แตกต่าง มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในทีม ถ้านำชื่อนักเตะมาตีแผ่จัดได้ว่าบีจีชุดล่าสุดดูดีกว่าชุดเลกแรกที่ชนะเมืองทองฯ ก่อนด้วยซ้ำ เพียงแต่สถานะของพวกเขาไม่ใช่ทีมที่ร่วมลุ้นแชมป์ ที่สำคัญถ้าต้องการผลงาน เป้าหมายอันเป็นรูปธรรมอันดับในลีกต้องสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ บอลถ้วยสองของรายการต้องเป็นเป้าหมายหลัก...ของบีจี


อย่างไรก็ตาม เรื่องบอลถ้วยเอาไว้ทีหลัง เอาบอลลีกที่ทางฝั่งบีจีต้องชนะ"จ่าฝูง" ให้ได้ ทั้งด้วยศักดิ์ศรีของทีมตัวเองและทุกอย่างที่เป็นบอล


บอกตามตรงว่าไม่ผิดหวัง...ที่เห็นบีจี เอฟซี เล่นได้สมศักดิ์ศรีจริงๆ ตัวผู้เล่นที่จัดลงสนามของบีจี ตั้งแต่ กิตติศักดิ์ ระวังป่า คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ภาณุวัฒน์ ไฟไหล-อำนาจ แก้วเขียว แบ็กสองข้าง ทนงศักดิ์ และ ทากิซาวะ...ไมเคิ่ล เบิร์น จนถึงกองหน้าที่ทั้งเร็วและคล่องอย่างอาจายี่ ต้องบอกว่าถ้านับเฉพาะชื่อนักบอลบีจีก็ลุ้นแชมป์ได้สบาย เพียงแต่ไม่ใช่เวลานี้


ส่วนเมืองทองฯ ยูไนเต็ด "แชมป์เก่า" ก็เปลี่ยนแปลงจากชุดแพ้ในเลกแรก ไม่มีตัวทีเด็ดยาย่า ไม่มีหัวใจแดนกลาง มูสซา ซิลล่า ซึ่งนัดนี้ตัวแทนได้เห็นฟอร์มกันแล้วคือหมายเลข 15 อับดุล คูลิบารี กองหลังคู่เซนเตอร์ ณัฐพร-เจษฎา แบ็กขวายังเป็น จักรพันธ์ แก้วพรม ที่กลายเป็นนักเตะอเนกประสงค์ไปแล้ว ตรงกลางใช้ ดัสกร, คูลิบารี และ ดักโน่ เซียก้า


แนวรุกทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา, คริสเตียน และโคเน่ ดูการจัดวางเป็นแบบ 4-3-3 เน้นเกมรุกและเป็นระบบสุดฮิตจากบอลโลกที่สามารถปรับเป็น 4-2-3-1 ได้ ที่สำคัญข้างหน้า 3 คนนั้นสลับตำแหน่งกันได้ ด้านข้าง, ตรงกลาง ตัวเป้า หรือถอยลงมา


ตรงนี้ผมสังเกตและจับตามองดู เรเน่ เดอซาเยียร์ ที่แม้เขาจะเป็นโค้ชฝรั่งจอมแอ็กชั่น แต่นั่นคือแคแรกเตอร์ของฝรั่งทั่วไปที่จริงจัง เน้นทุกรายละเอียด ถ้าดูบอลนอกคงพอมองเห็นว่าโค้ชฝรั่งจอมแอ็กชั่นมีมากมาย อย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็คนหนึ่ง บางคนเลือกที่จะนิ่งแบบนั้นก็มี แต่เรเน่คงไม่ใช่ เพราะนั่นคือสิ่งที่เมืองทองฯ ต้องการให้โค้ชมืออาชีพนำประสบการณ์สำคัญมาถ่ายทอด


สิ่งที่เห็นเป็นตัวอย่างนะครับอย่างเช่น...แนวรุกทั้ง 3 คนนั้นจะถูกเรเน่สั่งให้สลับตำแหน่งกันตลอดเวลา ถ้า ธีรศิลป์ถอยต่ำ คริสเตียนซึ่งอาจเดินหรือวิ่งด้านข้างจะถูกเรเน่ตะโกนสั่งให้ไปยืนค้ำกับ อำนาจ แก้วเขียว อย่างนี้เป็นต้น นี่คือรายละเอียดของ game plan หนึ่งเรื่องจากร้อยๆเรื่องในสนาม


คือคุณจะยืนสะเปะสะปะตรงนั้นตรงนี้ไม่ได้ บอลมันมีตำแหน่งการยืนที่ไม่ตายตัวแต่มันต้องมี โดยเฉพาะกับการที่ต้องสลับตำแหน่งกันอย่างหน้า 3 คน ไม่งั้นก็วิ่งชนกัน ทับตำแหน่งกัน วิ่งชนกันเหมือนที่เราเห็นบ่อยๆในบ้านเรา ถามว่า 3 แนวรุกของเมืองทองฯ ทราบก่อนลงสนามมั้ย


คำตอบคือ ทราบ...แต่ในเกมบางทีลืม หรือไม่ก็เหนื่อยล้า...โค้ชมีหน้าที่กำกับเกมข้างสนามจะต้องแสดงท่าทีออกมาทันที ผมเห็นเรเน่ตะโกนสั่งงานทุกคน หากใครละเลยหน้าที่ แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเขาก็จะรอจังหวะ


ที่เขียนมาไม่ใช่เรเน่พิเศษอะไรขนาดนั้น แต่นี่คือการทำงานของโค้ชฝรั่งทุกรายละเอียดสำคัญมาก และผมไม่ประหลาดใจว่าเมืองทองฯ ปีนี้ ผสมผสานนักเตะใหม่อย่าง โคเน่, ดัสกร, คริสเตียน ให้เล่นกับทีมเก่าได้อย่างไร ปีนี้ทีมจึงเล่นดีกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าจะเล่นดีกว่าแต่ทีมเยือนก็มาแบบไม่ธรรมดา


โดยภาพรวมเมืองทองฯ ได้สัดส่วนการครองบอลที่เหนือกว่า โดยเฉพาะครึ่งแรกชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้เมืองทองฯ ชนะได้เป็นเพราะ "จังหวะจบ"เด็ดขาดแน่นอนกว่า ลูกยิงของโคเน่อันคลาสสิกสามเหลี่ยมบนกับลูกยิงของ ธีรศิลป์ที่ซัดเข้าไปเต็มข้อแถมเข้ากลางประตูอีกต่างหาก


ขณะที่บีจีมีโอกาสจะจะชัดเจน 3-4 ครั้งที่จะได้ประตู ทั้งชนคานสองครั้ง หลุดเดี่ยวของอาจายี่, ซารูตะ แต่ไม่ได้ประตู บวกกับจังหวะเซฟแบบสุดยอดของ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ที่แสดงให้เห็นว่า "มือหนึ่ง" ทีมชาติไม่ได้มาเพราะบังเอิญ การ "ยิงประตู" คือสิ่งที่ทำให้บีจีแพ้


ความเด็ดขาดตรงนี้ชัดเจนว่าเมืองทองฯ มีมากกว่าทุกทีม อย่างไรก็ตาม ชัยชนะทั้งหมดเป็นของวงการฟุตบอลไทยอีกครั้ง เพราะบอลเล่นสนุกทั้งสองทีม บรรยากาศเร้าใจ ตื่นเต้น กองเชียร์บีจี ขนมาจากรังสิตกันชุดใหญ่ เจ้าบ้านไม่น้อยหน้าเข้ามาจนเก็บบัตรได้ 1.04 ล้านบาท แขกระดับวีไอพีเพียบ ดาราก็มาดูกันหลายคนที่ผมรู้จักคุ้นเคยก็ "เจ้าป้อง-ณวัฒน์"พระเอกละครที่เล่นให้เอ็กแซ็กท์บ้างช่อง 3 บ้าง

ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหนักในเกม โห่ฮาด่ากันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีลุกลามประเภท "บอลแพ้คนไม่แพ้" เป็นภาพที่สวยงามอีกเกมหนึ่งที่ผมอยากให้เป็นแบบนี้ บรรยากาศเกมแบบนี้ให้ 9 จาก 10 เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ perfect ten ครับ


Jackie

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"เมืองทอง" ผุดโปรเจกต์ "MTU ดูบอลกับน้อง" สานฝันเยาวชนทั่วประเทศดูบอลในถิ่นยามาฮ่า สเตเดี้ยม


“กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ทีมประวัติศาสตร์ 3 ปี 3 แชมป์ และจ่าฝูงไทยลีก เกาะกระแส CSR ผุดโปรเจกต์ “MTU ดูบอลกับน้อง” เปิดโอกาสให้เยาวชนจากโรงเรียน และหน่วยงานด้านเยาวชนต่างๆ ทั่วประเทศ เข้าทัศนศึกษาและเชียร์บอลในรังยามาฮ่า สเตเดี้ยม ฟรี! ทุกแมตช์ที่ลงเตะในบ้าน หวังสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนรักบอลไทยในสายเลือด
รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทั่วไป สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด เปิดเผยถึงการจัดโครงการ “MTU ดูบอลกับน้อง” ในครั้งนี้ ว่า “ที่ผ่านมาได้มีโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ จากทั่วประเทศ ติดต่อขอเข้ามาทัศนศึกษาดูงานและชมการแข่งขันของสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ดอยู่เป็นประจำทุกสัปดาห์ ประกอบกับสโมสรได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเยาวชนไทยในการสนับสนุนให้พวกเขาเหล่านี้ใช้เวลาว่างในการชมกีฬาฟุตบอล สโมสรจึงได้จัดโครงการ “MTU ดูบอลกับน้อง” ขึ้น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและปลูกฝังให้มีเยาวชนเกิดความรักในฟุตบอลไทยให้มากขึ้น”
“เราจะเน้นไปที่เยาวชนจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งหน่วยงานที่ดำเนินงานเกี่ยวกับเยาวชน อาทิ เด็กกำพร้า เด็กด้อยโอกาส เด็กพิการ ฯลฯ ที่สนใจสามารถติดต่อเข้ามาที่สโมสรเพื่อเยี่ยมชมสโมสรและชมการแข่งขันฟุตบอลในทุกๆ นัดที่ทีมลงทำการแข่งขันในสนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ “MTU ดูบอลกับน้อง” นี้จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้เยาวชนไทยได้มีโอกาสได้ชมฟุตบอลในสนามที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดความรักฟุตบอลในประเทศไทยให้มากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา กล่าวเพิ่มเติม
อนึ่ง สำหรับโรงเรียนและหน่วยงานที่สนใจเข้าทัศนศึกษาและชมการแข่งขันของสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด สามารติดต่อเข้ามาได้ที่ คุณฐปนนท์ เชิดชูศักดิ์สกุล เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด หมายเลขโทรศัพท์ 02-508-8100 ต่อ 8810 โดยจะต้องส่งเรื่องเข้ามาล่วงหน้าก่อนการแข่งขันเป็นเวลา 7 วัน

"เมืองทองซีเนียร์" ร่วมสดุดี "เรเน่" ซูฮกเป็น 1 ในโค้ชที่ดีที่สุดของเมืองไทย


นักเตะรุ่นใหญ่ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ทีมประวัติศาสตร์ 3 ปี 3 แชมป์ และจ่าฝูงไทยลีก สุดปลื้มหลังทีมทำผลงานสุดสะเด่า เก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง ชี้สปิริตในทีมตอนนี้มีสูงมาก พร้อมยก “เรเน่ เดอซาเยียร์” กุนซือชาวเบลเยียม เป็นยอดโค้ชแถวหน้าของเมืองไทย มั่นใจแท็กติกและระบบการเล่นของกุนซือจอมเฮี้ยบจะพาทีมกวาดทุกแชมป์ในฤดูกาลนี้
หลังจากที่ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ไปได้อย่างสนุก 2-0 ประตู เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ทำให้ขณะนี้ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ยังคงนำเป็นจ่าฝูงของศึกไทยลีก ด้วยการลงเล่น 21 นัด มีอยู่ 51 คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี อยู่ 5 คะแนนเท่าเดิม ซึ่งจากผลงานการเล่นที่เก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องของทีมจ่าฝูงนั้น ทำให้บรรดานักเตะรุ่นใหญ่ ภายในทีมออกมากล่าวถึงผลงานของทีมในขณะนี้ ว่า
“ถ้าเปรียบเทียบผลงานปีนี้กับปีที่แล้วค่อนข้างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ฤดูกาลนี้ทีมมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ทั้งโค้ชและนักเตะ แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นก็เป็นการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดี สำหรับฟอร์มการเล่นที่ออกมาดีในระยะนี้ ก็ต้องขอชมนักเตะรุ่นน้องภายในทีมทุกๆ คนที่ช่วยกันเล่นจนทำให้ผลงานของทีมออกมาอย่างที่ทุกคนเห็น และที่สำคัญผมเชื่อว่าโค้ชก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เขาเป็นคนที่ทำการบ้านเยอะมาก จริงจังทั้งการซ้อมและการลงแข่ง ที่สำคัญนักเตะทุกคนได้เรียนรู้ในเรื่องของความเป็นมืออาชีพจากเขาเยอะมาก ผมคิดว่าเขาเป็นโค้ชที่เก่งอันดับต้นๆ ในวงการฟุตบอลไทยขณะนี้” “กัปตันเจษ” เจษฎา จิตสวัสดิ์ กล่าว
ด้าน “โอ๊ต” ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ รองกัปตันทีม เผยว่า “ก็รู้สึกดีใจที่ผลงานของทีมในตอนนี้ค่อนข้างดีเกินคาด ในทีมตอนนี้ถือว่ามีสปิริตสูง ความมั่นใจของนักเตะก็มีมากเลยทีเดียว ก็ต้องยกเครดิตให้กับเรเน่ที่วางแผนในแต่ละนัดได้อย่างเฉียบขาด ถ้าใครไม่ได้สัมผัสจะไม่รู้เลยว่าเขาเป็นยอดกุนซือที่ดีคนหนึ่ง ความสามารถบวกกับกึ๋นในการวางแผนและแก้เกมนั้น ผมว่าเขาไม่เป็นรองใครในไทยลีกเลยนะ ก็หวังว่าในปีนี้พวกเราจะเดินหน้าคว้าแชมป์ในทุกๆ รายการที่ลงเล่นให้ได้ครับ”
สำหรับ อันดับตารางคะแนนศึกไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010 หลังจบแมตช์ที่ 21 จ่าฝูงได้แก่ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด มีอยู่ 51 คะแนน อันดับ 2 “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี มีอยู่ 46 คะแนน อันดับ 3 “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ พีอีเอ มีอยู่ 40 คะแนน อันดับ 4 “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือไทย เอฟซี มีอยู่ 37 อันดับ 5 “โลมามหาภัย” พัทยา ยูไนเต็ด

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กิเลนคิดบัญชีแค้นบีจีราบคาบ 2-0 นำฝูงต่อชิวชิว



ศึกบิ๊กแมตช์ไทยลีกมิดวีกที่ยามาฮ่า สเตเดี้ยม กิเลนผยอง เมืองทองฯ คิดบัญชีแค้น กระต่ายแก้ว ราบคาบ 2-0 โคเน่,มุ้ย ช่วยกันคนละลูกครึ่งแรก พาทีมนำฝูงต่อไปแบบชิวชิว

การแข่งขันฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010 เลกสองนัดกลางสัปดาห์วันพุธที่ 18 ส.ค. 53 ที่สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นศึกบิ๊กแมตช์ระหว่างแชมป์เก่าและจ่าฝูงในขณะนี้ “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มีอยู่ 48 คะแนน เปิดบ้านหวังล้างตากับ “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ทีมอันดับ 6 ของตารางมีอยู่ 32 คะแนน ซึ่งเลกแรกที่ผ่านมา “บีจี” ฝังแค้นไว้กับแชมป์เก่า 1-0 จากประตูปัญหาของ “น้าอ่ำ” อำนาจ แก้วเขียว กัปตันทีมของ “แรบบิท”

เกมนัดนี้ทั้งสองทีมได้ประเดิมแข้งใหม่ฝั่งละ 1 คน เจ้าถิ่นส่ง อับดุล คูลิบาลี่ กองกลางชาวไอวอรี่โคสต์ลงสนามเป็นเกมแรกในตำแหน่งตัวตัดเกม ส่วนทางทีมเยือนก็ส่ง ฟาบิโอ ดาซิลวา มิดฟิลด์แซมบ้าร่างสูงโย่งลงสนามเช่นกัน ส่วน มุสซ่า ซิลล่า ที่ย้ายจากเมืองทองฯ ไปอยู่ “บีจี” นั้นไม่มีรายชื่อในเกมนัดนี้ทั้งตัวจริงและสำรอง ซึ่งเกมในวันนี้นั้นแม้จะเป็นมิดวักแต่แฟนบอลทั้งสองทีมนั้นเข้ามาเต็มความจุของสนามกันแน่นขนัด แฟนบอลเจ้าบ้านนั้นไม่ต่ำกว่า 10,000 คน ส่วนทีมเยือนก็มากันกว่า 2,000-3,000 คน ซึ่งก็สมกับเป็นเกมบิ๊กแมตช์ที่ทุกคนรอคอย

เริ่มเกมมาได้ 5 นาทีเป็นทีมเยือน “บีจี” ที่ได้ลุ้นทำประตูขึ้นนำก่อนจากลูกเตะมุมของ ไมเคิ่ล เบิร์น ทางฝั่งขวาหยอดมาหน้าประตูแล้วเป็น ฟาบิโอ ดาซิลวา มิดฟิลด์ร่างโย่งชาวบราซิลได้ขึ้นโขกคนเดียวเน้นๆ บอลเลยตัวของ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ทวารเมืองทองไปแล้ว แต่บอลไปชนคานสนั่นท่ามกลางเสียงฮืออย่างโล่งอกของสาวกอุลตร้าเมืองทอง

น.13 สนามยามาฮ่าก็ดังสนั่นเมื่อเจ้าถิ่นมาได้ประตูออกนำก่อนจากการประสานงานกันของ ดักโน่ เซียก้า ที่ทำชิ่งกับ โคเน่ โมฮัมเหม็ด ก่อนที่ โคเน่ จะชิพบอลที่เส้นเขตโทษแบบเหนือชั้นข้ามตัวกองหลัง “บีจี” ทั้งแผงและผู้รักษาประตูด้วย ก่อนที่บอลจะตกเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม เมืองทองขึ้นนำเร็ว 1-0

หลังเสียประตูทีมเยือนก็เร่งเกมมากขึ้นและเกือบตีเสมอได้สามจังหวะติดต่อกัน น.15 เบิร์น ได้ปั่นฟรีคิกริมกรอบโทษซ้าย 25 หลา บอลโค้งเกือบหุบสามเหลี่ยมแต่ กวิน ก็บินปัดออกไปได้ น.17 พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ ได้ลูกส้มหล่นนอกกรอบ 30 หลา ตะบันเต็มข้อบอลพุ่งแรงแต่ตรงตัวของ กวิน ชกบอลออกไปได้ น.18ซามูเอล อาจายี่ หัวหอกตัวจี๊ดของบางกอกกล๊าส ได้หลุดไปยิงในเขตโทษแต่ก็ยังไม่ผ่านมือของผู้รักษาประตูฉายา “กวินบินได้” เหมือนเดิม

ผ่านมาครึ่งชั่วโมงเศษเกมเริ่มตกเป็นของทีมเยือนแล้วแต่ยังไม่มีจังหวะจบสกอร์ได้ น.33 อาจายี่ จ่ายบอลตัดแผงหลังให้ ซารูตะ ฮิโรโนริ จังหวะแรกนั้นจับยาวเกินไปจึงทำให้ต้องยิงมุมแคบแต่ก็ยิงได้ดีสุดท้ายยังติดเซฟตามเคย น.38 แฟนบอลเจ้าบ้านได้เฮลั่นอีกครั้งเมื่อทีมรักขึ้นนำเป็น 2-0 จากการการซัดเต็มข้อทางขวาบนเส้น 18 หลาของ ธีรศิลป์ แดงดา บอลพุ่งแหวกอากาศแสกหน้า กิตติศักดิ์ ระวังป่า ไปซุกก้นตาข่ายเข้าไปอย่างหมดจด ช่วงท้ายครึ่งแรกทั้งคู่ทำอะไรเพิ่มไม่ได้จบ 45 นาทีแรกจ่าฝูงเมืองทอง ยูไนเต็ด ออกนำ บางกอกกล๊าส เอฟซี อยู่ 2-0

45 นาทีสุดท้ายทีมเยือนมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเอา ชาตรี ฉิมทะเล กองหน้าอีกคนลงไปแทน อนาวิน จูจีน ที่เล่นไม่ออกในครึ่งแรก ส่วนเจ้าบ้านยังใช้ขุมกำลังเดิมเหมือนในครึ่งเวลาแรก น.48 บีจี เกือบตีไข่แตกได้ ไมเคิ่ล เบิร์น เปิดฟรีคิกริมเส้นฝั่งขวาไปเสาสองในเขตโทษ อำนาจ แก้วเขียว กัปตันทีมจอมเก๋าได้ตั้งศีรษะโหม่งกดลงพื้นแต่บอลผ่านหน้าประตูออกไปอย่างน่าเสียดาย

น.54 อาจายี่ โชว์ทักษะการครองบอลและเลี้ยงจี้เข้าหาเขตโทษล็อกหลบเกือบ 10 จังหวะร่วมๆนาที เล่นเอากองหลังเมืองทองหลังหักไปหลายคนก่อนที่จะได้กลับตัวยิงในเขตโทษบอลนั้นข้ามคานออกไป แต่ก็รับเสียงปรบมือจากแฟนบอลทั้งสนาม น.60 ฟาบิโอ วางบอลยาวจากกลางสนามไปให้ ชาตรี ฉิมทะเล ได้หลุดกับดักล้ำหน้าไปยิงในเขตประตูแต่บอลชนคานออกไป ถัดมาอีกนาที ชาตรี คนเดิมได้ยิงเรียดอีกครั้งในเขตโทษบอลถากเสาออกไปแบบได้ลุ้น

น.65 อาจายี่ ได้บอนในเขตโทษป้ายคืนหลังมาให้ ซารูตะ ได้วางเท้ายิงบอลโดนเหลี่ยมไม่ดีไปหน้าประตู ชาตรี สไลด์ยิงตามน้ำแต่ไปติดขาของ กวิน อย่างน่าเสียดาย เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้ายเกมเริ่มตกเป็นของจ่าฝูงชัดเจนและมีโอกาสได้ลูกที่สามหลายครั้งแต่ก็พลาดไปหมด ในขณะที่ทีมเยือนเริ่มจะหมดมุขในการเข้าทำแล้วด้วยเหมือนกัน ทำให้ยังไม่สกอร์แรกในครึ่งเวลาหลัง

น.84 เจ้าบ้านส่งแข้งตัวใหม่ลงไปสัมผัสเกมบ้างอย่าง ณรงค์ชัย วชิรบาล แทน โคเน่ โมฮัมเหม็ด ส่วนทีมเยือนก็ส่งทีเด็ดตัวสุดท้ายลงไปอย่าง พอล บีคอมโบ้ เอคโคโล่ แทน ซารูตะ ฮิโรโนริ ช่วงท้ายเกมเจ้าบ้านเริ่มประคองตัวเล่นแบบปลอดภัยไว้ก่อน ในขณะที่ทีมเยือนก็เหมือนจะยอมรับความปราชัยในนัดนี้แล้วด้วยเหมือนกัน จบ 90 นาที “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็ล้างแค้น “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ได้สำเร็จ 2-0 นำจ่าฝูงต่อไปแบบชิวชิว


"กิเลน" ไม่กดดันแม้เจอกระต่ายแก้ว "ร็อบ" มั่นใจ3แต้ม


"ร็อบ" โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ผู้จัดการทีม “กิเลนผยอง” เมืองทองฯยูไนเต็ด จ่าฝูงไทยพรีเมียร์ลีก ไม่กดดันที่จะเปิดบ้านรับบางกอกกล๊าส แม้จะเคยไปแพ้มาแล้วในเลกแรกก็ตาม บอกเมื่ออยากเป็นแชมป์ก็ต้องชนะ มั่นใจทำได้เพื่อรักษาความห่างจากคู่แข่งสำคัญอย่างชลบุรี เอฟซี ขณะที่ คาร์ลอส โรแบร์โต้ ผอ.ฝ่ายเทคนิคบางกอกกล๊าส ยอมรับว่ายากที่จะหยุดเมืองทองฯได้ แต่จะทำให้ดีที่สุดมีกลับไปแต้มเดียวก็พอแล้ว

ความเคลื่อนไหวการแข่งขันฟุตบอล “ไทยพรีเมียร์ลีก 2010” นัดกลางสัปดาห์ วันพุธที่ 18 สิงหาคม นี้ มีโปรแกรมแข่งขันกันครับทุกทีม โดยทีมจ่าฝูง”กิเลนผยอง” เมืองทองฯยูไนเต็ด ที่มี 48คะแนน จะเปิดสนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม รับมือทีม “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ทีมอันดับ 6 ของตาราง โดยจะเริ่มแข่งขันเวลา 19.00 น.

มร.โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ผู้จัดการทีมเมืองทองฯ เปิดเผยว่า แม้จะเจอกับทีมใหญ่อย่างบางกอกกล๊าส ที่เราเคยแพ้มาแล้วในเลกแรก 0-1 แต่ก็ไม่กดดันอะไร มั่นใจว่าจะเก็บ 3 แต้มได้แน่นอน ตนได้ย้ำให้นักเตะเล่นตามเกมตัวเอง เล่นเกมที่วางแผนเอาไว้ แต่ก็ห้ามประมาท แม้จะเป็นเกมในบ้านก็ตาม รวมทั้งฟอร์มหลังๆของเขาก้ไม่ค่อยดีนัก แต่ว่านักเตะบางกอกกล๊าสแต่ละตำแหน่งก็ถือเป็นซูเปอร์สตาร์ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเราตั้งใจจะเป็นแชมป์ไทยพรีเมียรืลีกต่ออีกสมัย เราจำเป็นต้องคว้าชัยชนะ เชื่อว่าเราชนะแน่นอน ส่วนนักเตะนั้น ก็ยังไม่ได้จัดว่าจะเอาใครลง คงเป็นหน้าที่ของโค้ช แต่เชื่อว่าเราจัดชุดใหญ่ลงไปรับมือแน่นอน เพื่อชัยชนะที่จะทำแต้มห่างอันดับ 2 คือชลบุรี เอฟซี ต่อไป

ขณะที่ มร.คาร์ลอส โรแบร์โต้ เดอ คาร์วัลโญ่ ผู้อำนวยการฝายเทคนิค สโมสบางกอกกล๊าส เอฟซี ที่ลงมาทำหน้าที่หัวหน้าสต๊าฟโค้ชด้วย เปิดเผยว่า เกมนี้ถือว่าเป็นเกมยาก เพราะเรามาเยือน แม้เลกแรกเราจะชนะมาก็ตาม เมืองทองฯเป็นทีมที่เกมรุกหลากหลาย นักเตะแต่ละตำแหน่งค่อนข้างลงตัว ที่สำคัญนักเตะบางกอกกล๊าสช่วงนี้มีการปรับเปลี่ยนบ่อย ทำให้ยังไม่เข้าขากัน แต่ละตำแหน่งก็ยังไม่ค่อยลงตัวนัก เกมที่ผ่านๆมา แต่ละคนโชว์ฟอร์มไม่สม่ำเสมอ แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ให้พลาดคงเป็นเรื่องยากที่เราจะบุกมาหยุดเมืองทองฯยูไนเต็ด แต่เราก็ยืนยันจะส่งนักเตะที่ดีที่สุดลงไป ตั้งเป้าจะแบ่งกลับไป 1 แต้มก็พอใจแล้ว หากเราจะหวังติด 1ใน 3 ของหัวตาราง ก็คงเป็นเรื่องยากเหมือนกัน คงต้องทำให้ดีนัดต่อนัดดีกว่า

โอกาสสุดท้าย! ซื้อซีดีอัลบั้ม We're MTUTD ลุ้นบินไปชมเอเอฟซี คัพที่ซีเรีย


แฟนคลับอุลตร้าเมืองทองเตรียมเปิดขายซีดีเพลงอัลบั้ม We're MTUD เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเกมบิ๊กแมตช์กับ บางกอกกล๊าส เอฟซี พุธที่ 18 สิงหาคม นี้ ระบุปิดรับคูปองชิงโชคก่อนเกมเริ่มคิกออฟ พร้อมจับสลากหาแฟนบอลผู้โชคดีที่จะบินลัดฟ้าไปชมทีมรักทำศึกเอเอฟซี คัพ ที่ประเทศซีเรีย ทันทีหลังจบเกม แฟนพันธุ์แท้เมืองทองห้ามพลาด จำหน่ายราคาแผ่นละ 250 บาทเท่านั้น

ตั้งตาตั้งตาทำงานกันอย่างหนักกว่าจะมาเป็นอัลบั้ม We're MTUTD ด้วยความร่วมมือกันของกลุ่มแฟนคลับอุลตร้าเมืองทองโดยมีโคคาโคลาเป็นผู้สนับสนุนการจัดทำ โดยได้เปิดตัวและวางจำหน่ายไปแล้วในเกมที่เมืองทองฯ ยูไนเต็ด พบกับ การท่าเรือไทย เอฟซี ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด ทางกลุ่มแฟนคลับอุลตร้าเมืองทองได้เตรียมนำ CD ชุดดังกล่าวออกมาจำหน่ายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะมีการจับสลากหาผู้โชคดีบินลัดฟ้าไปเชียร์ทีมรักทำศึกเอเอฟซี คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก กับ อัล คารามาห์ ที่ประเทศซีเรีย

สำหรับการเปิดจำหน่ายซีดีอัลบั้ม We're MTUTD ครั้งสุดท้ายนี้ จะเปิดจำหน่ายที่หน้าสนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม ด้านอัฒจันทร์ฝั่งโซน South และ ฝั่งโซน East ในช่วงก่อนเกมการแข่งขันระหว่าง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด กับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ในวันพุธที่ 18 สิงหาคม นี้ ซึ่งจะจำหน่ายในราคาแผ่นละ 250 บาท แฟนบอลที่ซื้อซีดี 1 แผ่น จะได้รับคูปองชิงโชคลุ้นบินไปชมการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี คัพรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่ประเทศซีเรีย ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น สามารถส่งคูปองชิงโชคได้ที่ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของสโมสร และในส่วนของการจับสลากหาแฟนบอลผู้โชคดีนั้นจะมีขึ้นหลังจากเกมการแข่งขันระหว่าง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด กับ บางกอกกล๊าส เอฟซี จบลง

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"เรเน่" วางแผนชุบตัวที่โคราชก่อนบุกกรำศึกบิ๊กแมตช์กับ "ปราสาทสายฟ้า"


“เรเน่ เดอซาเยียร์” กุนซือใหญ่ชาวเบลเยียมของ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด แพลนข้ามช็อตสำหรับศึกไทยลีกนัดบิ๊กแมตช์ที่สำคัญที่จะบุกไปเยือน “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ พีอีเอ เผยหลังจบเกมกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี เตรียมยกทัพเก็บตัวที่โคราชทันที พร้อมอยู่ยาวถึงวันแข่ง หวังลูกทีมมีสมาธิกับเกมในวันอาทิตย์ มั่นใจด้วยศักยภาพและคุณภาพนักเตะในทีมจะเก็บชัยได้ทั้ง 2 เกมบิ๊กแมตช์

ถือเป็นช่วงสัปดาห์ที่หนักทีเดียวสำหรับทีม “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงของไทยลีกในขณะนี้ โดยจะต้องลงเล่นถึง 2 นัดภายในเวลา 5 วัน ซึ่ง 2 นัดที่ลงเล่นนั้นจะพบกับศึกหนักทั้งการเปิดบ้านพบกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ในวันพุธที่ 18 ส.ค. ต่อด้วยการบุกไปเยือนทีมอันดับ 3 ของตารางอย่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ พีอีเอ ในวันอาทิตย์ที่ 22 ส.ค. ที่จะถึงนี้ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ล่าสุด ได้รับการเปิดเผยจาก เรเน่ เดอซาเยียร์ กุนซือใหญ่ของทีมถึงการเตรียมทีมในช่วงนี้ ว่า

“สัปดาห์นี้ถือเป็นงานหนักสำหรับทีมเราอย่างยิ่ง เราต้องเล่น 2 นัดใน 5 วัน ซึ่งหลังจากจบแมตช์กับบางกอกกล๊าส ผมได้วางแผนให้ลูกทีมเดินทางไปเก็บตัวที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้พวกเขาได้ฝึกซ้อมอย่างมีสมาธิและมุ่งมั่นต่อไปกับเกมในวันอาทิตย์ที่เราจะพบกับคู่แข่งสำคัญอย่างบุรีรัมย์ พีอีเอ เราจะอยู่ที่นั่นจนกระทั่งในช่วงเช้าของวันแข่งขัน ก่อนที่จะเดินทางไปที่บุรีรัมย์ในช่วงสาย ยังไงแล้วลึกๆ ผมก็ยังเชื่อว่านักเตะของเรากำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มน่าจะผ่านบิ๊กแมตช์ทั้ง 2 เกมทั้งกับบางกอกกล๊าสและบุรีรัมย์ได้”

สำหรับ โปรแกรมการแข่งขันของ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ในสัปดาห์นี้จะลงทำศึกบิ๊กแมตช์ถึง 2 เกม ตั้งแต่การเปิดบ้านต้อนรับ “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ในวันพุธที่ 18 สิงหาคม 2553 เวลา 19.00 น. ก่อนที่จะบุกไปเยือนคู่แข่งอย่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ พีอีเอ ในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 17.00 น. ที่สนามไอโมบาย สเตเดี้ยม จ.บุรีรัมย์

คริสเตียน" แค้นจัดลั่นซัลโวประตูหวังล้างแค้น "บีจี" ให้ได้


“คริสเตียน ควาคู” ดาวยิงจอมแสบของ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด เผยยังแค้นไม่หาย ประกาศลั่นพร้อมทะลวงประตู “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ในศึกบิ๊กแมตช์พุธนี้ หลังพ่ายมาอย่างเจ็บปวดในเลกแรก เชื่อจะเป็นเกมที่สนุกอีกเกมหนึ่งของฤดูกาลนี้ มั่นใจสภาพทีมสุดปึ้กแถมได้เสียงเชียร์จากแฟนบอลรอบสนาม พร้อมเดินหน้าล้างแค้นได้สำเร็จแน่

เหลืออีกเพียง 1 วันเท่านั้น ศึกไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010 นัดบิ๊กแมตช์ระหว่าง “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูง พบ “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ทีมอันดับ 6 ของตาราง ก็จะระเบิดเพลงแข้งกันแล้ว โดยความพร้อมล่าสุดนั้น เมืองทองฯ ยูไนเต็ด จะได้ตัวคริสเตียน ควาคู ดาวยิงความเร็วสูงกลับคืนสู่ทีมอีกครั้ง หลังจากที่ติดโทษแบนไปในนัดที่ทีมบุกไปชนะ แบงค็อก ยูไนเต็ด ได้ 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

“ผมยังจำได้แม่นจนถึงทุกวันนี้เกมแรกพวกเราแพ้เขาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอย่างน่าเจ็บใจ วันพุธนี้ได้เวลาที่พวกเราจะล้างแค้นแล้ว ตัวผมนั้นถึงแม้จะไม่ได้ลงเล่นในนัดล่าสุด แต่สภาพร่างกายตอนนี้พร้อมมาก ก็ต้องลุ้นอีกทีว่าจะได้รับโอกาสลงเล่นในเกมบิ๊กแมตช์ครั้งนี้หรือไม่ เพราะเกมกับแบงค็อก ยูไนเต็ด ทุกคนที่ลงเล่นก็โชว์ฟอร์มกันได้เป็นอย่างดี ยังไงแล้วผมยังคิดว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่สู้กันได้อย่างสนุก ตื่นเต้น อีกเกมหนึ่งในซีซั่นนี้ เพราะบางกอกกล๊าสเองก็ถือเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้ดีมากเช่นกัน สุดท้ายยังเชื่อว่าการที่ได้เล่นในยามาฮ่า สเตเดี้ยม ท่ามกลางแฟนบอลที่แน่นสนามจะช่วยให้เราล้างแค้นพวกเขาได้สำเร็จ” คริสเตียน ควาคู กล่าว

สำหรับ การแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010 นัดบิ๊กแมตช์ระหว่าง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด กับ บางกอกกล๊าส เอฟซี จะแข่งขันกันในวันพุธที่ 18 สิงหาคม 2553 ที่สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม โดยจะเริ่มทำการแข่งขันในเวลา 19.00 น. แฟนบอลที่สนใจสามารถซื้อตั๋วเข้าชมเกมดังกล่าวได้ที่หน้าสนามแข่งขันตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป